เครื่องฟอกอากาศ Philips เป็นแบรนด์ชั้นนำอันดับต้น ๆ ของประเทศ ที่หลายคนนิยมซื้อ เพราะด้วยประสิทธิภาพ ดีไซน์และบริการต่าง ๆ เป็นเหตุผลที่หลาย ๆ เลือกใช้งานแบรนด์
ด้วยปัจจุบันนี้เครื่องฟอกอากาศ Philips ผลิตมา 5 รุ่นโดยแต่ละรุ่นมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกัน และถ้าหากกำลังเล็งสักรุ่นเพื่อไปใช้งาน บทความนี้จะช่วยคุณได้ครับ
รวม 5 เครื่องฟอกอากาศ philips รุ่นไหนดีที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณ ประจำปี 2024
1. เครื่องฟอกอากาศ PHILIPS AC0820/20
รายละเอียดสินค้า
- CADR 190 ลบ.ม./ชม.
- ฟังก์ชัน : กรองฝุ่น PM 2.5 เชื้อแบคทีเรีย กลิ่น ไวรัส สารก่อภูมิแพ้
เหมาะสำหรับห้องขนาด 49 ตารางเมตร - ประกัน 2 ปี
เครื่องฟอกอากาศ PHILIPS AC0820/20 รุ่นยอดนิยมรีวิวเพียบ มาพร้อมกับดีไซน์สะอาดตา มินิมอลเข้ากับทุกการตกแต่งห้อง อีกทั้งยังมีราคาที่ย่อมเยาเข้าถึงง่าย
ประสิทธิภาพกรองฝุ่น 2 ชั้นด้วยแผ่นกรอง NANO PROTECT สามารถกรองฝุ่นละเอียดขนาดเล็กพิเศษ 0.003 ไมครอนได้ 99.97% กรองฝุ่น PM 2.5 สารต่อภูแม้และกลิ่นไม่พึงประสงค์ เป็นรุ่นประหยัดพลังงานไฟฟ้า เพราะใช้ไฟ 20 วัตต์ หากคุณห้องของคุณมีขนาดไม่เกิน 49 ตารางเมตร รุ่นนี้ก็น่าสนใจครับ
2. Philips รุ่น AC0650
รายละเอียดสินค้า
- CADR : 170 m³/h
- ฟังก์ชัน เทคโนโลยี HEPA ของ Nano Protect กรอง PM 2.5 แบคทีเรีย ไวรัส กลิ่น สร้างอากาศบริสุทธิ์ได้หมดภายใน 17 นาที
- เหมาะสำหรับห้องขนาด 44 ตารางเมตร
- ระดับเสียง : 19 – 49 dB
- ประกัน 2 ปี
Philips รุ่น AC0650 เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ เหมาะใช้สำหรับห้องนอน มีค่า CADR 170 m³/h สามารถขจัด PM 2.5 ฝุ่น สารก่อภูมิแพ้ ให้หมดได้ภายใน 17 นาที ครอบคลุมพื้นที่ 44 ตารางเมตร
มีเทคโนโลยี VitaShield ป้องกันเชื้อแบคทีเรีย เชื้อโรค รวมไปถึงไวรัส มีผลช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อีก และ Philips Air+ สามารถควบคุมเครื่องได้ในระยะไกลสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังสามารถดูข้อมูลแบบละเอียดและเรียลไทม์ได้ที่มือถือโดยตรงเลย
3. PureProtect Mini 900 Series รุ่น AC0950/10
รายละเอียดสินค้า
- CADR : 250 m³/h
- ฟังก์ชัน : เทคโนโลยี HEPA ของ Nano Protect กรอง PM 2.5 แบคทีเรีย ไวรัส กลิ่น ; สร้างอากาศบริสุทธิ์ได้หมดภายใน 12 นาที ; มี Smart AeraSense ตรวจวัดคุณภาพ แบบเรียลไทม์
- เหมาะสำหรับห้องขนาด 65 ตารางเมตร
- ระดับเสียง : 20.5 – 49.5 dB
- ประกัน 2 ปี
หากใครกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศแบรนด์ฟีลิปส์ นำไปใช้ในห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น PureProtect Mini 900 Series รุ่น AC0950/10 ถือว่าตอบโจทย เพราะทำงานครอบพื้นที่ 65 ตารางเมตร
มีระบบกรอง 3 ขั้นตอน สามารถรกรองฝุ่น PM 2.5 สารก่อภูมิแพ้ แบคเทียและไวรัส อีกทั้งยังช่วยยับยั้งกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันโดดเด่นอย่าง Smart AeraSense ที่ตรวจจับคุณภาพอากาศและปรับการทำงานให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ
สุดท้ายนี้ยังมีฟังก์ชันโหมดสลีป ให้เสียงการทำงาน 20.5 เดซิเบล ถือว่าช่วยเสริมสมาธิขณะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือช่วยให้นอนหลับได้สนิทยิ่งขึ้น
4. PHILIPS Air Purifier Serie 1000i รุ่น AC1715/21
รายละเอียดสินค้า
- CADR : 300 ลบ.ม./ชม.
- ฟังก์ชัน : NanoProtect HEPA กรองอนุภาคขนาดเล็กมากได้อย่างมีประสิทธิภาพถึง 99.97% ; CleanHome+ เชื่อมต่อกับมือถือและควบคุมเครื่องฟอกอากาศได้ดั่งใจ ; AeraSense ตรวจจับคุณภาพอากาศและปรับเปลี่ยนการทำงานอัตโนมัติได้อย่างเหมาะสมกับสภาพอากาศ ณ ขณะนั้น
- เหมาะสำหรับห้องขนาด 18-78 ตารางเมตร
- ระดับเสียง : 15 – 50 dB
- ประกัน 2 ปี
เครื่องฟอกอากาศ PHILIPS รุ่น AC1715/21 เป็นอีกหนึ่งตัวที่เหมาะสมหรับใช้งานในห้องขนาดใหญ่ เพราะด้วย 300 ลบ.ม./ชม. เหมาะสำหรับห้องไม่เกิน 78 ตารางเมตร
มีระบบกรอง 3 ขั้นตอนและผสมเข้ากับแผ่นกรอง NanoProtect HEPA ซึ่งมีคุณสมบัติกรองอนุภาคขนาดเล็กกว่า PM 2.5 ได้ 800 เท่า และมีความคงทนทนใช้งานได้นานและมีประสิทธิภาพมากกว่า HEAP ทั่วไป
เซนเซอร์ AeraSense ทำหน้าที่ตรวจจับอากาศ 1000 ครั้งต่อนาทีและเมื่อพบการเปลี่ยนแปลงระบบจะปรับการทำงานให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ สุดท้ายนี้ยังเป็นรุ่นประหยัดไฟเทียบเท่าหลอดไฟในขณะใช้พลังงาน
5. เครื่องฟอกอากาศ Philips 800i Series รุ่น AC0850/21
รายละเอียดสินค้า
- CADR : 300 ลบ.ม./ชม.
- ฟังก์ชัน : NanoProtect HEPA ขจัดไวรัส สารก่อภูมิแพ้ และมลพิษได้ 99% : ขจัดมลพิษฟอกอากาศบริสุทธิ์ 190 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง ;AI ฟอกอากาศอัจฉริยะโดยปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาพอากาศแบบเรียบไทม์
- เหมาะสำหรับห้องขนาด 16-48 ตารางเมตร
- ระดับเสียง : 35 – 61 dB
- ประกัน 2 ปี
เดินทางมาถึงอันดับสุดท้ายกับเครื่องฟอกอากาศฟิลิปส์ รุ่นนี้เราแนะนำเป็นอีกรุ่นที่ตอบโจทน์ให้งานในห้องนอน มาพร้อมกับดีไซน์ทันสมัยมินิมอลสีขาว ซึ่งมีขนาดเล็กระทัดรัดประหยัดพื้นที่ใช้สอยในห้องนอน อีกทั้งยังน้ำหนักเบาอีกด้วย
รุ่นนี้มาพร้อมศักยภาพสามารถฟอกอากาศบริสุทธิ์ 190 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมงจึงเหมาะกับขนาดห้องที่ไม่เกิน 48 ตารางเมตร ให้เสียงการทำงานอยู่ที่ 35 – 61 เดซิเบลและเป็นเครื่องที่ใช้งานง่ายเพียงกดปุ่มเดียวสามารถทำงานได้อัตโนมัติเลย
เพราะมี AI สุดล้ำที่มีเซนเซอร์ตรวจจับอากาศและปรับเปลี่ยนได้อย่างเหมาะสมกับสภาพอากาศ สุดท้ายนี้ยังเป็นรุ่นที่ประหยัดไฟใช้พลังานเพียง 20 วัตต์ นับว่าเป็นอีกรุ่นที่ไม่ควรมองข้ามครับ
บทความที่คุณอ่านสนใจ
สรุป
เป็นยังไงบ้างสำหรับเครื่องฟอกอากาศ Philips 5 รุ่นที่เราได้เอามานำเสนอ ซึ่งแต่ละรุ่นมีคุณสมบัติคล้าย ๆ กัน เนื่องจากเป็นแบรนด์เดียวกัน ซึ่งขนาดของห้องเป็นตัวคัดกรองได้ดีว่ารุ่นไหนเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณ
สุดท้ายนี้เมื่อคุณได้รุ่นที่ถูกใจไปแล้ว การใช้งานและการดูแลก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเหมือนกัน เพราะจะช่วยยืดระยะเวลาในการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น และควรอ่านคู่มือการใช้ก่อน เพื่อลดดการเกิดปัญหาภายหลังได้ครับ